รายละเอียด

รู้หรือไม่!? ที่กระจกรถแตกแล้วเป็นกรวด ไม่เป็นลิ่มคมๆ เป็นแผ่นๆ เหมือนกระจกตู้หรือในห้องน้ำที่บ้าน นั่นเป็นเพราะว่า กระจกที่นำมาใช้ประกอบในรถนั้นเป็นกระจกที่ถูกออกแบบมาให้มีความแข็งแรงเป็นพิเศษ หรือที่เรียกกันว่า กระจกนิรภัยนั่นเอง (นิรภัยที่ไม่ได้แปลว่ามันจะไม่แตกนะ)

วันนี้เอพลัสคาร์จะพาทุกท่านมาทำความรู้จักเจ้ากระจกนิรภัยที่ว่านี้กัน

โดยทั่วไปแล้วกระจกนิรภัยจะมี2ประเภทหลักๆ คือ

 

1. กระจกนิรภัยชั้นเดียว (TEMPERED SAFETY GLASS)

กระจกรถยนต์กับเรื่องที่คุณไม่เคยรู้

เจ้ากระจกนิรภัยแบบชั้นเดียวที่ติดตั้งไว้บนรถยนต์นี้ เมื่อกระจกเกิดแตกจะมีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ เพื่อไม่ให้กระจกมีความคมมากเกินไปจนทำอันตรายต่ออวัยวะหรือร่างกายของมนุษย์ได้ง่ายๆ  หากแตกบริเวณกึ่งกลางจะมีลักษณะเป็นเม็ดใหญ่กว่าริมกระจก ในด้านความปลอดภัยที่ตรงกลางแตกแล้วเป็นเม็ดใหญ่กว่าเพราะให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นทัศนวิสัยได้ดี โดยเรียกบริเวณนี้ว่า โซนเทมเปอร์ (ZONE TEMPER)

 

2. กระจกนิรภัยหลายชั้น (LAMINATED SAFETY GLASS)

กระจกรถยนต์กับเรื่องที่คุณไม่เคยรู้   

กระจกนิรภัยแบบหลายชั้นหรืออีกชื่อหนึ่งว่ากระจกลามิเนท (LAMINATED GLASS) เป็นกระจกที่ให้ความปลอดภัยสูง ด้วยการนำเอาจกสองแผ่นขึ้นไปมาประกบกันโดยมีแผ่นฟิล์ม (POLYVINYL BUTYRAL : PVB) คั่นอยู่ระหว่างกระจกกับกระจก เพื่อสร้างความเหนียวและแข็งแรงที่มากขึ้น เมื่อกระจกนิรภัยหลายชั้นหรือกระจกลามิเนทเกิดแตก จะแตกเป็นลักษณะคล้ายใยแมงมุม ในปัจจุบันกระจกหน้ารถส่วนใหญ่จะใช้กระจกประเภทนี้ ทำให้ข้อดีของกระจกนิรภัยแบบหลายชั้นมีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเศษกระจกที่จะไม่ทำอันตรายแก่ผู้ขับขี่เมื่อยามเกิดเหตุ ในขณะที่กระแตกหรือร้าวยังสามารถมองเห็นทัศวิสัยได้อยู่ และเมื่อกระจกร้าวยังสามารถกันน้ำกันฝุ่นได้อยู่ระดับหนึ่ง โดยยังไม่ต้องเปลี่ยนในทันทีนั่นเอง

กระจกรถยนต์กับเรื่องที่คุณไม่เคยรู้


 

อ้างอิง : thaicarlover

เรียบเรียง : เอพลัสคาร์

แชร์เลย